วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โบสถ์กลางน้ำ : กรณีศึกษาโบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด ความเชื่อพุทธกับผี

โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด ความเชื่อพุทธกับผี
บทนำ
          ในการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หัวใจสำคัญของการศึกษาคือ ชี้ให้เห็นถึงเอกภาพที่ท้องถิ่นนั้นมีการเคลื่อนไหวกระทำการด้วยตนเอง แสดงถึงตัวตนและความมีชีวิตด้วยตัวเองระดับหนึ่งของท้องถิ่นนั้นๆสามารถเห็นมุมมองและความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของชุมชน[1]  ผ่านระบบความเชื่อร่วมกันของคนในชุมชน โดยมองผ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์จากภายในหรือคนในที่มีจิตสำนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชุมชนของตน
จากการลงพื้นที่ศึกษาชุมชนบ้านหนองบัวสด หมู่ที่ 5 ตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นับตั้งแต่กระบวนการตั้งหมู่บ้าน การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชุมชนจากอดีตจวบจนปัจจุบัน ทำให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญของชุมชน โดยเฉพาะการเอาชื่อสถานที่หรือภูมิลักษณ์ของท้องถิ่นมาตั้งชื่อหมู่บ้าน ทั้งยังมีความสำคัญในแง่ของการเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชน มีการผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมและความเชื่อทางพระพุทธศาสนา จาก “บ้านโบสถ”  จนมาเป็น “บ้านหนองบัวสด” ซึ่งทั้งสองชื่อนี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญกับ  “โบสถ์กลางน้ำ”  ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ทำให้ผู้ศึกษาเกิดความสนใจในการศึกษาแง่ของประวัติสถานที่ ความเชื่อ ตลอดจนประเพณีและความสัมพันธ์ของชาวบ้านกับสถานที่ดังกล่าว

โบสถ์กลางน้ำความหมายและความสำคัญ
            โบสถ์กลางน้ำ หมายถึง สีมาหรือ ขอบเขต เพื่อที่จะกำหนดขอบเขตดังกล่าวให้ชัดเจน มีวัตถุอันเป็นเครื่องหมายที่แสดงขอบเขนโดยในที่นี้ คือมีน้ำโอบล้อม ในสมัยพุทธกาลโบสถ์กลางน้ำ ถือเป็นอพัทธสีมา ไม่ต้องมีการกำหนดเขต แต่ยึดหลักชุมชน ธรรมชาติกำหนด ข้อมูลนี้ปรากฏอยู่ในพุทธบัญญัติเรื่อง อุระโบสถกฺขนฺธกํ ในพระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาคที่ ๑[2] ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า อุทกุกเขปสีมา เป็นเขตที่กำหนดให้มีน้ำล้อมรอบชั่ววิดน้ำสาด คือประมาณ ๗-๘ เมตร ตามที่พระบาลีกำหนดดังนี้ แม้โบสถ์สีมาน้ำก็จะต้องมีขอบเขตของน้ำล้อมรอบพอสมควร จะทำแคบๆขนาดท้องร่องหรือคลองเล็กๆไม่ได้ ผิดพระวินัย [3]  ส่วนในแง่ความสำคัญของโบสถ์กลางน้ำ ถือเป็นคติที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝ่ายลังกา โดยเฉพาะการกำหนดพื้นที่บวชของพระภิกษุสงฆ์ให้มีความบริสุทธิ์มากที่สุด[4] และนับเป็นสถานที่ของการประกอบสังฆกรรมของสงฆ์อีกด้วย


โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด  : ที่มาและความสำคัญ
ที่มาของโบสถกลางน้ำแห่งบ้านหนองบัวสด ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด จากคำบอกเล่าของนายไสว บุญไชย และนายประเศษ อาจุมปา แห่งบ้านหนองบัวสดให้ข้อมูลว่าโบสถ์แห่งนี้ มีมาตั้งแต่สร้างหมู่บ้านขึ้นราว พ.ศ. 2401 เดิมเป็นที่ประชุมสงฆ์ มีอายุหลายร้อยปี เป็นศูนย์รวมเก่าแก่ของตำบลป่าสัก เป็นที่สถิตของเจ้าพ่อสำคัญของหมู่บ้าน อาทิ เจ้าพ่อเสือ ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่า ชุมชนนี้สมัยก่อนเป็นป่า เสือชุกชุม ภายหลังได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาขึ้นเป็นวัด ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์กลางน้ำ สอดคล้องกับประวัติชุมชนที่ได้จากศูนย์เรียนรู้ชุมชนว่า
“...บ้านหนองบัวสด ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2401 เดิมชื่อบ้านโบสถ สาเหตุที่ได้ชื่อว่าบ้านโบสถสันนิษฐานว่า บริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านมีอุโบสถตั้งอยู่กลางหนองน้ำ (ปัจจุบันยังอยู่) ต่อมาราวรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ตั้งนามสกุล ขึ้นทางหมู่บ้านนี้ จึงมีการใช้นามสกุล พรมเมืองเพราะผู้ใหญ่บ้านคนแรกชื่อ นายพรม ส่วนภรรยาชื่อ นางเมือง และให้ลูกบ้านใช้สืบมาและเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านจากโบสถ เป็นบ้านหนองบัวสดจนถึงปัจจุบัน...”
นอกจากนี้ในหนังสือชื่อหมู่บ้านในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้ให้ข้อมูลที่มาของชื่อหมู่บ้านว่า “มีบ้านไม้สักตั้งอยู่กลางหนองบัว เป็นที่ตั้งของเจ้าพ่อหนองบัวสด [5] โดยเมื่อเทียบกับประวัติชุมชนจากศูนย์เรียนรู้ เห็นได้ว่า การปรากฎชื่อของเจ้าพ่อมีขึ้นมาภายหลัง ซึ่งได้ถูกเปลี่ยนหน้าที่จากพุทธมาสู่ผี ให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ผ่านเจ้าพ่อที่รักษาหนองน้ำคู่กับโบสถกลางน้ำ จนกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านหนองบัวสดสืบมาจนถึงปัจจุบัน


ความสำคัญของโบสถ์กลางน้ำ บ้านหนองบัวสด จากพุทธสู่ผี
จากชื่อหมู่บ้านได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของโบสถ์แห่งนี้ มีความเชื่อร่วมกันระหว่างความเป็นพุทธและความเป็นผี ในแง่ของความเป็นศาสนสถานของพุทธ สังเกตได้จากชื่อเก่าของหมู่บ้านประการหนึ่งและจากคำบอกเล่าของคนในท้องถิ่นที่เล่าว่าสมัยก่อนพระสงฆ์ตำบลป่าสักจะมาทำสังฆกรรมกันที่แห่งนี้ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนรูปแบบโดยการแทนที่ด้วยผีท้องถิ่น ส่วนในแง่ของความเป็นผี ปรากฏชื่อเจ้าพ่อของหมู่บ้าน คือ เจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อหนองบัวสด สถิตย์อยู่ในโบสถ์ ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบพื้นถิ่นไทยภาคเหนือ สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ตั้งอยู่ในบึงที่เรียกว่าหนองบัวสด เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีมาแต่เดิม ดังนั้นลักษณะของโบสถ์แห่งนี้มีการผสมผสานระหว่างความเชื่อพุทธกับผีที่ถูกทำหน้าที่และให้ความสำคัญในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชุมชน


ประเพณี พิธีกรรม สงกรานต์ สืบสานพิธีทรงเจ้าพ่อโบสถ์กลางน้ำ
            ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี จะมีการประกอบพิธีกรรมสำคัญ คือ เซ่นไหว้เจ้าพ่อด้วยไก่ต้ม ข้าวตอกดอกไม้ และเหล้าแดง นายไสว บุญไชยเล่าให้ฟังว่าความเชื่อนี้มาจากความชอบของตัวเจ้าพ่อ ผนวกกับความเชื่อทั่วไปที่ถือว่าสิ่งของเหล่านี้ยังช่วยเพิ่มความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสิริมงคลให้แก่พิธีกรรมให้แก่การเข้าทรงต่างๆอีกด้วย[6] ตลอดจนการประกอบพิธีเข้าทรงเจ้าพ่อ ที่น่าสนใจคือ คนทรงจะเป็นผู้หญิง นายไสว บุญไชย เล่าให้ฟังว่าวิธีการเลือกคนทรงจะเลือกกันในงาน โดยคนที่ถูกทรงเป็นเจ้าพ่อจะเป็นคนเลือกทรงเอง และใครที่โดนก็ต้องรับช่วงต่อปฏิเสธไม่ได้ ทั้งที่ตัวผีที่อารักษ์อยู่ประจำตัวโบสถ์มีสถานภาพเป็นเจ้าพ่อ ซึ่งตรงนี้นับเป็นกระบวนการที่ถูกประกอบสร้างขึ้นใหม่โดยใช้องค์ความรู้ทางเพศและการเชื่อมโยงกับการปฏิบัติที่หลากหลายแบบใหม่ ถูกแสดงให้เห็นถึงผีซึ่งกำลังเข้าทรงเหล่านี้มักเป็นผีเพศชายที่ทรงอำนาจ[7]และถูกรองรับด้วยเพศหญิง ซึ่งเราจะพบอีกว่าตัวความเชื่อแบบนี้เป็นการที่ผีครอบความเชื่อทางศาสนาพุทธเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ให้กับตัวพื้นที่ ที่สำคัญถึงแม้ชื่อโบสถ์กลางน้ำ แต่ในช่วงสงกรานต์จะไม่มีพิธีการทางศาสนาพุทธ เพราะถ้าสังเกตบริเวณใกล้โบสถกลางน้ำจะมีวัดหนองบัวสดซึ่งเป็นศูนย์รวมของการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวบ้านตั้งอยู่


การมีส่วนร่วมของชุมชนและการเปลี่ยนแปลงของโบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด
          โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด มีกระบวนการการจัดการของชุมชนด้วยวิธีการของชาวบ้าน ผ่านการมีส่วนร่วมกันของคนในชุมชน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโบสถ์กลางน้ำที่สำคัญ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

          การมีส่วนร่วมของชุมชน
การสร้างโบสถ์กลางน้ำแห่งนี้ คงจะเป็นกระบวนการเรียนรู้ของคนในชุมชนในการสร้างจิตสำนึกร่วมกัน โดยมีจุดสำคัญอยู่ที่อำนาจควบคุมพฤติกรรมในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ซึ่งมีอำนาจสำคัญอยู่ด้วยกันสองอย่างคือ อำนาจศักดิ์สิทธิ์กับอำนาจสาธารณะ ทั้งสองเป็นสิ่งที่อยู่ในสำนึกของความเป็นมนุษย์ อำนาจแรกมีที่มาจากความเชื่อในสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มนุษย์เชื่อและสมมุติขึ้นมา ผนวกกับสถาบันทางสังคมที่ธำรงอำนาจนี้ คือ พระพุทธศาสนา ซึ่งนับเป็นสถาบันสากลของมนุษยชาติ โดยมีหน้าที่สำคัญคือการจรรโลงศีลธรรม ส่วนอำนาจสาธารณะ คืออำนาจที่มาจากตำแหน่งการงานและเงินตราของมนุษย์
บ้านหนองบัวสด คงมีความคล้ายคลึงกับสังคมท้องถิ่นไทยอื่นๆ ที่แต่เดิมดำรงอยู่ด้วยด้วยดุลยภาพของอำนาจทั้งสองนี้ ดังจะเห็นได้จากทุกหน่วยของสังคม ไม่ว่าหน่วยครัวเรือน หมู่บ้านและท้องถิ่น จะมีความสัมพันธ์กับอำนาจนอกเหนือธรรมชาติ มีการผสมผสานความเชื่อพุทธกับผี เห็นได้จากการการประกอบพิธีกรรมผ่านประเพณีสงกรานต์ร่วมกัน ทำให้คนในชุมชนเกิดการยอมรับจารีตและขนบธรรมเนียม ตลอดจนข้อห้ามเดียวกัน ที่สำคัญมีการสร้างจิตสำนึกร่วมเดียวกัน ผ่านเรื่องเล่าและตำนานของท้องถิ่น ที่เห็นได้ชัดเจน คือ การสร้างเรื่องราวให้มีเจ้าพ่อสำคัญของหมู่บ้าน มีการประทับร่างทรงที่โบสถ์กลางน้ำ สิ่งดังกล่าวนี้นับได้ว่าเป็นแก่นแท้ของสิ่งที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เพราะเป็นอดีตที่ชาวบ้านในท้องถิ่นร่วมกันสร้างขึ้นมา[8]
ถ้าหากสังเกตการมีส่วนร่วมของผู้คน จากคำบอกเล่าของพ่ออุ้ยในการลงพื้นที่โบสถ์กลางน้ำแห่งนี้ ผู้ศึกษาพบว่า กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนสำคัญ คือ หัวหน้าชุมชนและชาวบ้าน ผู้เฒ่าที่แก่ที่มีสำนึกร่วมต่อความศรัทธาต่อเจ้าพ่อ โดยการร่วมกันดูแลโบสถ์ มีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอมาและยังคงสืบสานงานประเพณีที่เกี่ยวกับโบสถ์แห่งนี้ 

การเปลี่ยนแปลงของโบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ ความหลากหลายด้านความเชื่อของตัวชาวบ้านที่นับถือศาสนาพุทธ กล่าวคือ ความเชื่อหลักที่เป็นธรรมมะได้ถูกผสมผสานกับลัทธิพราหมณ์และความเชื่อทางไสยศาสตร์หรือผีสางเทวดา ทำให้ผู้ที่ยึดถือและปฏิบัติคือตัวชาวบ้านไม่อาจแยกออกได้ว่า ส่วนใดเป็นหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาและส่วนใดเป็นส่วนความเชื่อเรื่องผีที่เป็นความเชื่อดั้งเดิม ซึ่งยังรวมไปถึงการเซ่นไหว้และการเข้าทรง[9] สังเกตได้ชัดเจนจากบริเวณข้างเคียงจะเป็นวัดประจำหมู่บ้าน  ซึ่งก่อนหน้านั้น โบสถ์กลางน้ำได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมจิตใจทางพุทธศาสนาเพียงแห่งเดียว เมื่อเกิดการสร้างวัดขึ้น จึงมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ระหว่างตัววัดและตัวโบสถ์
การเปลี่ยนแปลงประการต่อมา การเข้าร่วมประกอบพิธีกรรม ซึ่งจากคำบอกเล่าผู้รู้ในชุมชนยังสังเกตได้ว่า ผู้เข้าร่วมพิธีนอกจากจะเป็นคนในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง ยังมีกลุ่มคนจากภายนอกโดยเฉพาะคนกรุงเทพเข้าร่วมพิธีด้วย ตรงนี้ยังให้เห็นถึงความเชื่อที่เป็นความเชื่อของชุมชนถูกแพร่กระจายและถูกรับรู้ไปยังคนนอกมากยิ่งขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ซึ่งหากชุมชนไม่มีการบริหารจัดการ ก็อาจจะมีการถูกปรับรูปแบบเดิมและเพิ่มสิ่งใหม่เข้ามา เช่น ถูกเพิ่มบทบาทเพื่อการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งนอกจากนี้การสืบทอดความเชื่อที่เกี่ยวกับโบสถ์ของคนในชุมชนนั้น ที่สืบทอดมาตั้งแต่คนรุ่นเก่าและยังคงดำเนินมาสู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งผู้คนที่มีร่วมอาจจะไม่ได้มีความเชื่อมาแต่เดิม แต่ถูกปลูกฝังให้สืบทอดกันต่อมาโดยการชักจูงจากผู้ใหญ่ที่มีความเชื่อมาแต่เดิม
ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนคือ มีการสร้างศาลเจ้าพ่อใหม่ใกล้เคียงขึ้นมาทดแทน เหตุผลคือ เพื่อความสะดวกต่อผู้มากราบไหว้และเพื่อลดความเสียหายจากการเข้าไปสู่ตัวโบสถ์ที่เป็นเรือนไม้เก่าแก่ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในแง่ของกายภาพพื้นที่ โดยมีการปรับสภาพโดยรอบ เห็นได้ชัดเจนจากการก่อสร้างถนน ตัวบ้านเรือนของชาวบ้าน ได้ไปลดคติดั้งเดิมของโบสถ์แห่งนี้ ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ชุมชนจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ของกระแสดังกล่าว
กล่าวโดยสรุป โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนบ้านหนองบัวดในฐานะศูนย์รวมใจประจำหมู่บ้าน มีลักษณะเด่นของการผสมผสานของพุทธและผี ผ่านรูปแบบประเพณีและพิธีกรรม ตลอดจนมีความสำคัญในฐานะชื่อและที่มาของหมู่บ้านแห่งนี้ รวมไปถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อตัวโบสถ์ อันจะสามารถทราบเรื่องราวและความเป็นมา เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจและความภาคภูมิใจในการเรียนรู้วิถีชีวิตวัฒนธรรม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ผู้สนใจและท้องถิ่นดังกล่าวสืบไป


บรรณานุกรม
บทสัมภาษณ์
นายไสว บุญไชย อายุ 75 ปี เป็นคนจังหวัดลำพูน ได้ภรรยาเป็นคนเชียงแสน มีลูก 2 คน ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ตอนอยู่ลำพูนประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป
นายประสิทธิ์  อาจุมปา (เป็นคนในท้องที่โดยกำเนิด อายุ 47 ปี ) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5
หนังสืออ้างอิง
ชิเกฮารุ ทานาเบ ,รวมบทความแปล พิธีกรรมและปฏิบัติการในสังคมชาวนาภาคเหนือของประเทศไทย ,เชียงใหม่ ,ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , 2555.
นิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ , วิรัช นิวิรัชนิภาวรรณ ,การเข้าทรงและร่างทรง : ความเชื่อ พิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อสังคม ,สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ ,2533.
พิทยา บุนนาค , เสมา สีมา หลักสีมาในศิลปะไทย สมัยอยุธยาช่วงหลังเสียกรุงครั้งแรกถึงครึ่งหลัง และธนบุรี ,โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , กรุงเทพฯ .
ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม , รองศาสตราจารย์ พัฒนาการทางสังคม วัฒนธรรมไทย , กรุงเทพ ฯ , เมืองโบราณ, 2554.
สรบุศย์ รุ่งโรจน์สุวรรณ และ รุ่งวิมล รุ่งโรจน์สุวรรณ , ชื่อหมู่บ้านในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ,เชียงราย : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2551.
สุภาภรณ์ จินดามณีโรจน์ , ประวัติศาสตร์ของชุมชนลุ่มน้ำท่าจีน , กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์ , 2554 .
อานันท์ กาญจนพันธุ์ เจ้าที่และผีปู่ย่า : พลวัตของความรู้ชาวบ้าน อำนาจ และตัวตนของคนท้องถิ่น , คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , 2555.





[1] สุภาภรณ์ จินดามณีโรจน์ , ประวัติศาสตร์ของชุมชนลุ่มน้ำท่าจีน , กรุงเทพฯ :สร้างสรรค์ , 2554 , หน้า 11 .
[2] น ณ ปากน้ำ , สีมากถา สมุดข่อยวัดสุทัศนเทพวราราม , กรุงเทพฯ ,เมืองโบราณ  , 2540 ,หน้า 2 .
[3] เรื่องเดียวกัน ,หน้า 18 19 .
[4] เข้าถึงเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2558, เรื่องคติที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝ่ายลังกา, จาก : http://travel.thaiza.com.
[5] สรบุศย์ รุ่งโรจน์สุวรรณ และ รุ่งวิมล รุ่งโรจน์สุวรรณ , ชื่อหมู่บ้านในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ,เชียงราย : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2551. หน้า 88-89.
[6] นิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ , วิรัช นิวิรัชนิภาวรรณ ,การเข้าทรงและร่างทรง : ความเชื่อ พิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อสังคม ,สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ ,2533. หน้า 73.
[7] ชิเกฮารุ ทานาเบ ,รวมบทความแปล พิธีกรรมและปฏิบัติการในสังคมชาวนาภาคเหนือของประเทศไทย ,เชียงใหม่ ,ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , 2555. หน้า 158.
[8] ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม , รองศาสตราจารย์ ,  พัฒนาการทางสังคม – วัฒนธรรมไทย , กรุงเทพ ฯ , เมืองโบราณ, 2554 หน้า 196 -197 .
[9] นิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ , วิรัช นิวิรัชนิภาวรรณ ,การเข้าทรงและร่างทรง : ความเชื่อ พิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อสังคม ,สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ ,2533. หน้า 21 .