โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด
ความเชื่อพุทธกับผี
บทนำ
ในการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
หัวใจสำคัญของการศึกษาคือ ชี้ให้เห็นถึงเอกภาพที่ท้องถิ่นนั้นมีการเคลื่อนไหวกระทำการด้วยตนเอง
แสดงถึงตัวตนและความมีชีวิตด้วยตัวเองระดับหนึ่งของท้องถิ่นนั้นๆสามารถเห็นมุมมองและความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของชุมชน[1] ผ่านระบบความเชื่อร่วมกันของคนในชุมชน
โดยมองผ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์จากภายในหรือคนในที่มีจิตสำนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชุมชนของตน
จากการลงพื้นที่ศึกษาชุมชนบ้านหนองบัวสด หมู่ที่ 5 ตำบลป่าสัก
อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นับตั้งแต่กระบวนการตั้งหมู่บ้าน
การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชุมชนจากอดีตจวบจนปัจจุบัน
ทำให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญของชุมชน โดยเฉพาะการเอาชื่อสถานที่หรือภูมิลักษณ์ของท้องถิ่นมาตั้งชื่อหมู่บ้าน
ทั้งยังมีความสำคัญในแง่ของการเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชน
มีการผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมและความเชื่อทางพระพุทธศาสนา จาก “บ้านโบสถ” จนมาเป็น “บ้านหนองบัวสด”
ซึ่งทั้งสองชื่อนี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญกับ “โบสถ์กลางน้ำ” ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน
ทำให้ผู้ศึกษาเกิดความสนใจในการศึกษาแง่ของประวัติสถานที่ ความเชื่อ
ตลอดจนประเพณีและความสัมพันธ์ของชาวบ้านกับสถานที่ดังกล่าว
โบสถ์กลางน้ำความหมายและความสำคัญ
โบสถ์กลางน้ำ
หมายถึง สีมาหรือ ขอบเขต เพื่อที่จะกำหนดขอบเขตดังกล่าวให้ชัดเจน มีวัตถุอันเป็นเครื่องหมายที่แสดงขอบเขนโดยในที่นี้
คือมีน้ำโอบล้อม ในสมัยพุทธกาลโบสถ์กลางน้ำ ถือเป็นอพัทธสีมา ไม่ต้องมีการกำหนดเขต
แต่ยึดหลักชุมชน ธรรมชาติกำหนด ข้อมูลนี้ปรากฏอยู่ในพุทธบัญญัติเรื่อง
อุระโบสถกฺขนฺธกํ ในพระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาคที่ ๑[2]
ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า อุทกุกเขปสีมา เป็นเขตที่กำหนดให้มีน้ำล้อมรอบชั่ววิดน้ำสาด
คือประมาณ ๗-๘ เมตร ตามที่พระบาลีกำหนดดังนี้
แม้โบสถ์สีมาน้ำก็จะต้องมีขอบเขตของน้ำล้อมรอบพอสมควร จะทำแคบๆขนาดท้องร่องหรือคลองเล็กๆไม่ได้
ผิดพระวินัย [3]
ส่วนในแง่ความสำคัญของโบสถ์กลางน้ำ
ถือเป็นคติที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝ่ายลังกา โดยเฉพาะการกำหนดพื้นที่บวชของพระภิกษุสงฆ์ให้มีความบริสุทธิ์มากที่สุด[4] และนับเป็นสถานที่ของการประกอบสังฆกรรมของสงฆ์อีกด้วย
โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด : ที่มาและความสำคัญ
ที่มาของโบสถกลางน้ำแห่งบ้านหนองบัวสด
ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด จากคำบอกเล่าของนายไสว บุญไชย
และนายประเศษ อาจุมปา แห่งบ้านหนองบัวสดให้ข้อมูลว่าโบสถ์แห่งนี้ มีมาตั้งแต่สร้างหมู่บ้านขึ้นราว
พ.ศ. 2401 เดิมเป็นที่ประชุมสงฆ์
มีอายุหลายร้อยปี เป็นศูนย์รวมเก่าแก่ของตำบลป่าสัก
เป็นที่สถิตของเจ้าพ่อสำคัญของหมู่บ้าน อาทิ เจ้าพ่อเสือ ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่า
ชุมชนนี้สมัยก่อนเป็นป่า เสือชุกชุม ภายหลังได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาขึ้นเป็นวัด
ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์กลางน้ำ สอดคล้องกับประวัติชุมชนที่ได้จากศูนย์เรียนรู้ชุมชนว่า
“...บ้านหนองบัวสด ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2401 เดิมชื่อบ้านโบสถ
สาเหตุที่ได้ชื่อว่าบ้านโบสถสันนิษฐานว่า
บริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านมีอุโบสถตั้งอยู่กลางหนองน้ำ (ปัจจุบันยังอยู่)
ต่อมาราวรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ตั้งนามสกุล ขึ้นทางหมู่บ้านนี้
จึงมีการใช้นามสกุล “พรมเมือง” เพราะผู้ใหญ่บ้านคนแรกชื่อ
นายพรม ส่วนภรรยาชื่อ นางเมือง
และให้ลูกบ้านใช้สืบมาและเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านจากโบสถ
เป็นบ้านหนองบัวสดจนถึงปัจจุบัน...”
นอกจากนี้ในหนังสือชื่อหมู่บ้านในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
ได้ให้ข้อมูลที่มาของชื่อหมู่บ้านว่า “มีบ้านไม้สักตั้งอยู่กลางหนองบัว เป็นที่ตั้งของเจ้าพ่อหนองบัวสด
[5] โดยเมื่อเทียบกับประวัติชุมชนจากศูนย์เรียนรู้
เห็นได้ว่า การปรากฎชื่อของเจ้าพ่อมีขึ้นมาภายหลัง
ซึ่งได้ถูกเปลี่ยนหน้าที่จากพุทธมาสู่ผี ให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ผ่านเจ้าพ่อที่รักษาหนองน้ำคู่กับโบสถกลางน้ำ
จนกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านหนองบัวสดสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ความสำคัญของโบสถ์กลางน้ำ บ้านหนองบัวสด จากพุทธสู่ผี
ความสำคัญของโบสถ์กลางน้ำ บ้านหนองบัวสด จากพุทธสู่ผี
จากชื่อหมู่บ้านได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของโบสถ์แห่งนี้ มีความเชื่อร่วมกันระหว่างความเป็นพุทธและความเป็นผี
ในแง่ของความเป็นศาสนสถานของพุทธ
สังเกตได้จากชื่อเก่าของหมู่บ้านประการหนึ่งและจากคำบอกเล่าของคนในท้องถิ่นที่เล่าว่าสมัยก่อนพระสงฆ์ตำบลป่าสักจะมาทำสังฆกรรมกันที่แห่งนี้ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนรูปแบบโดยการแทนที่ด้วยผีท้องถิ่น
ส่วนในแง่ของความเป็นผี ปรากฏชื่อเจ้าพ่อของหมู่บ้าน คือ เจ้าพ่อเสือ
เจ้าพ่อหนองบัวสด สถิตย์อยู่ในโบสถ์ ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบพื้นถิ่นไทยภาคเหนือ
สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ตั้งอยู่ในบึงที่เรียกว่าหนองบัวสด
เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีมาแต่เดิม ดังนั้นลักษณะของโบสถ์แห่งนี้มีการผสมผสานระหว่างความเชื่อพุทธกับผีที่ถูกทำหน้าที่และให้ความสำคัญในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชุมชน
ประเพณี พิธีกรรม สงกรานต์ สืบสานพิธีทรงเจ้าพ่อโบสถ์กลางน้ำ
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี
จะมีการประกอบพิธีกรรมสำคัญ คือ เซ่นไหว้เจ้าพ่อด้วยไก่ต้ม ข้าวตอกดอกไม้
และเหล้าแดง นายไสว บุญไชยเล่าให้ฟังว่าความเชื่อนี้มาจากความชอบของตัวเจ้าพ่อ
ผนวกกับความเชื่อทั่วไปที่ถือว่าสิ่งของเหล่านี้ยังช่วยเพิ่มความขลัง
ความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสิริมงคลให้แก่พิธีกรรมให้แก่การเข้าทรงต่างๆอีกด้วย[6]
ตลอดจนการประกอบพิธีเข้าทรงเจ้าพ่อ ที่น่าสนใจคือ คนทรงจะเป็นผู้หญิง นายไสว บุญไชย เล่าให้ฟังว่าวิธีการเลือกคนทรงจะเลือกกันในงาน
โดยคนที่ถูกทรงเป็นเจ้าพ่อจะเป็นคนเลือกทรงเอง
และใครที่โดนก็ต้องรับช่วงต่อปฏิเสธไม่ได้ ทั้งที่ตัวผีที่อารักษ์อยู่ประจำตัวโบสถ์มีสถานภาพเป็นเจ้าพ่อ
ซึ่งตรงนี้นับเป็นกระบวนการที่ถูกประกอบสร้างขึ้นใหม่โดยใช้องค์ความรู้ทางเพศและการเชื่อมโยงกับการปฏิบัติที่หลากหลายแบบใหม่
ถูกแสดงให้เห็นถึงผีซึ่งกำลังเข้าทรงเหล่านี้มักเป็นผีเพศชายที่ทรงอำนาจ[7]และถูกรองรับด้วยเพศหญิง ซึ่งเราจะพบอีกว่าตัวความเชื่อแบบนี้เป็นการที่ผีครอบความเชื่อทางศาสนาพุทธเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ให้กับตัวพื้นที่
ที่สำคัญถึงแม้ชื่อโบสถ์กลางน้ำ แต่ในช่วงสงกรานต์จะไม่มีพิธีการทางศาสนาพุทธ
เพราะถ้าสังเกตบริเวณใกล้โบสถกลางน้ำจะมีวัดหนองบัวสดซึ่งเป็นศูนย์รวมของการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวบ้านตั้งอยู่
การมีส่วนร่วมของชุมชนและการเปลี่ยนแปลงของโบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด
โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด
มีกระบวนการการจัดการของชุมชนด้วยวิธีการของชาวบ้าน ผ่านการมีส่วนร่วมกันของคนในชุมชน
ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโบสถ์กลางน้ำที่สำคัญ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
การมีส่วนร่วมของชุมชน
การสร้างโบสถ์กลางน้ำแห่งนี้ คงจะเป็นกระบวนการเรียนรู้ของคนในชุมชนในการสร้างจิตสำนึกร่วมกัน
โดยมีจุดสำคัญอยู่ที่อำนาจควบคุมพฤติกรรมในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์
ซึ่งมีอำนาจสำคัญอยู่ด้วยกันสองอย่างคือ อำนาจศักดิ์สิทธิ์กับอำนาจสาธารณะ
ทั้งสองเป็นสิ่งที่อยู่ในสำนึกของความเป็นมนุษย์
อำนาจแรกมีที่มาจากความเชื่อในสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ
เป็นสิ่งที่มนุษย์เชื่อและสมมุติขึ้นมา ผนวกกับสถาบันทางสังคมที่ธำรงอำนาจนี้ คือ
พระพุทธศาสนา ซึ่งนับเป็นสถาบันสากลของมนุษยชาติ โดยมีหน้าที่สำคัญคือการจรรโลงศีลธรรม
ส่วนอำนาจสาธารณะ คืออำนาจที่มาจากตำแหน่งการงานและเงินตราของมนุษย์
บ้านหนองบัวสด คงมีความคล้ายคลึงกับสังคมท้องถิ่นไทยอื่นๆ
ที่แต่เดิมดำรงอยู่ด้วยด้วยดุลยภาพของอำนาจทั้งสองนี้
ดังจะเห็นได้จากทุกหน่วยของสังคม ไม่ว่าหน่วยครัวเรือน หมู่บ้านและท้องถิ่น
จะมีความสัมพันธ์กับอำนาจนอกเหนือธรรมชาติ มีการผสมผสานความเชื่อพุทธกับผี เห็นได้จากการการประกอบพิธีกรรมผ่านประเพณีสงกรานต์ร่วมกัน
ทำให้คนในชุมชนเกิดการยอมรับจารีตและขนบธรรมเนียม ตลอดจนข้อห้ามเดียวกัน
ที่สำคัญมีการสร้างจิตสำนึกร่วมเดียวกัน ผ่านเรื่องเล่าและตำนานของท้องถิ่น
ที่เห็นได้ชัดเจน คือ การสร้างเรื่องราวให้มีเจ้าพ่อสำคัญของหมู่บ้าน
มีการประทับร่างทรงที่โบสถ์กลางน้ำ
สิ่งดังกล่าวนี้นับได้ว่าเป็นแก่นแท้ของสิ่งที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
เพราะเป็นอดีตที่ชาวบ้านในท้องถิ่นร่วมกันสร้างขึ้นมา[8]
ถ้าหากสังเกตการมีส่วนร่วมของผู้คน
จากคำบอกเล่าของพ่ออุ้ยในการลงพื้นที่โบสถ์กลางน้ำแห่งนี้ ผู้ศึกษาพบว่า
กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนสำคัญ คือ หัวหน้าชุมชนและชาวบ้าน
ผู้เฒ่าที่แก่ที่มีสำนึกร่วมต่อความศรัทธาต่อเจ้าพ่อ โดยการร่วมกันดูแลโบสถ์
มีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอมาและยังคงสืบสานงานประเพณีที่เกี่ยวกับโบสถ์แห่งนี้
การเปลี่ยนแปลงของโบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ ความหลากหลายด้านความเชื่อของตัวชาวบ้านที่นับถือศาสนาพุทธ
กล่าวคือ ความเชื่อหลักที่เป็นธรรมมะได้ถูกผสมผสานกับลัทธิพราหมณ์และความเชื่อทางไสยศาสตร์หรือผีสางเทวดา
ทำให้ผู้ที่ยึดถือและปฏิบัติคือตัวชาวบ้านไม่อาจแยกออกได้ว่า
ส่วนใดเป็นหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาและส่วนใดเป็นส่วนความเชื่อเรื่องผีที่เป็นความเชื่อดั้งเดิม
ซึ่งยังรวมไปถึงการเซ่นไหว้และการเข้าทรง[9]
สังเกตได้ชัดเจนจากบริเวณข้างเคียงจะเป็นวัดประจำหมู่บ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้น
โบสถ์กลางน้ำได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมจิตใจทางพุทธศาสนาเพียงแห่งเดียว
เมื่อเกิดการสร้างวัดขึ้น จึงมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ระหว่างตัววัดและตัวโบสถ์
การเปลี่ยนแปลงประการต่อมา การเข้าร่วมประกอบพิธีกรรม
ซึ่งจากคำบอกเล่าผู้รู้ในชุมชนยังสังเกตได้ว่า
ผู้เข้าร่วมพิธีนอกจากจะเป็นคนในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง
ยังมีกลุ่มคนจากภายนอกโดยเฉพาะคนกรุงเทพเข้าร่วมพิธีด้วย
ตรงนี้ยังให้เห็นถึงความเชื่อที่เป็นความเชื่อของชุมชนถูกแพร่กระจายและถูกรับรู้ไปยังคนนอกมากยิ่งขึ้น
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ซึ่งหากชุมชนไม่มีการบริหารจัดการ
ก็อาจจะมีการถูกปรับรูปแบบเดิมและเพิ่มสิ่งใหม่เข้ามา เช่น
ถูกเพิ่มบทบาทเพื่อการท่องเที่ยว เป็นต้น
ซึ่งนอกจากนี้การสืบทอดความเชื่อที่เกี่ยวกับโบสถ์ของคนในชุมชนนั้น
ที่สืบทอดมาตั้งแต่คนรุ่นเก่าและยังคงดำเนินมาสู่คนรุ่นใหม่
ซึ่งผู้คนที่มีร่วมอาจจะไม่ได้มีความเชื่อมาแต่เดิม
แต่ถูกปลูกฝังให้สืบทอดกันต่อมาโดยการชักจูงจากผู้ใหญ่ที่มีความเชื่อมาแต่เดิม
ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนคือ มีการสร้างศาลเจ้าพ่อใหม่ใกล้เคียงขึ้นมาทดแทน
เหตุผลคือ
เพื่อความสะดวกต่อผู้มากราบไหว้และเพื่อลดความเสียหายจากการเข้าไปสู่ตัวโบสถ์ที่เป็นเรือนไม้เก่าแก่ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในแง่ของกายภาพพื้นที่
โดยมีการปรับสภาพโดยรอบ เห็นได้ชัดเจนจากการก่อสร้างถนน ตัวบ้านเรือนของชาวบ้าน ได้ไปลดคติดั้งเดิมของโบสถ์แห่งนี้
ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์
ชุมชนจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ของกระแสดังกล่าว
กล่าวโดยสรุป โบสถ์กลางน้ำบ้านหนองบัวสด มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนบ้านหนองบัวดในฐานะศูนย์รวมใจประจำหมู่บ้าน
มีลักษณะเด่นของการผสมผสานของพุทธและผี ผ่านรูปแบบประเพณีและพิธีกรรม
ตลอดจนมีความสำคัญในฐานะชื่อและที่มาของหมู่บ้านแห่งนี้
รวมไปถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อตัวโบสถ์
อันจะสามารถทราบเรื่องราวและความเป็นมา
เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจและความภาคภูมิใจในการเรียนรู้วิถีชีวิตวัฒนธรรม
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ผู้สนใจและท้องถิ่นดังกล่าวสืบไป
บรรณานุกรม
บทสัมภาษณ์
นายไสว บุญไชย อายุ 75 ปี เป็นคนจังหวัดลำพูน
ได้ภรรยาเป็นคนเชียงแสน มีลูก 2 คน ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา
ทำไร่ ตอนอยู่ลำพูนประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป
นายประสิทธิ์
อาจุมปา (เป็นคนในท้องที่โดยกำเนิด อายุ 47 ปี ) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5
หนังสืออ้างอิง
ชิเกฮารุ ทานาเบ ,รวมบทความแปล
พิธีกรรมและปฏิบัติการในสังคมชาวนาภาคเหนือของประเทศไทย ,เชียงใหม่
,ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , 2555.
นิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ , วิรัช นิวิรัชนิภาวรรณ ,การเข้าทรงและร่างทรง
: ความเชื่อ พิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อสังคม ,สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ ,2533.
พิทยา บุนนาค , เสมา สีมา หลักสีมาในศิลปะไทย
สมัยอยุธยาช่วงหลังเสียกรุงครั้งแรกถึงครึ่งหลัง และธนบุรี ,โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , กรุงเทพฯ .
ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม , รองศาสตราจารย์ , พัฒนาการทางสังคม –
วัฒนธรรมไทย , กรุงเทพ
ฯ , เมืองโบราณ, 2554.
สรบุศย์ รุ่งโรจน์สุวรรณ และ รุ่งวิมล รุ่งโรจน์สุวรรณ , ชื่อหมู่บ้านในอำเภอเชียงแสน
จังหวัดเชียงราย ,เชียงราย : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2551.
สุภาภรณ์ จินดามณีโรจน์ , ประวัติศาสตร์ของชุมชนลุ่มน้ำท่าจีน , กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์ , 2554
.
อานันท์ กาญจนพันธุ์ , เจ้าที่และผีปู่ย่า : พลวัตของความรู้ชาวบ้าน อำนาจ และตัวตนของคนท้องถิ่น , คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , 2555.
[1] สุภาภรณ์ จินดามณีโรจน์ , ประวัติศาสตร์ของชุมชนลุ่มน้ำท่าจีน
, กรุงเทพฯ :สร้างสรรค์ , 2554 , หน้า 11
.
[2] น ณ ปากน้ำ , สีมากถา
สมุดข่อยวัดสุทัศนเทพวราราม , กรุงเทพฯ ,เมืองโบราณ , 2540 ,หน้า 2 .
[3] เรื่องเดียวกัน ,หน้า 18 – 19 .
[4] เข้าถึงเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2558, เรื่องคติที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝ่ายลังกา, จาก : http://travel.thaiza.com.
[5] สรบุศย์
รุ่งโรจน์สุวรรณ และ รุ่งวิมล รุ่งโรจน์สุวรรณ , ชื่อหมู่บ้านในอำเภอเชียงแสน
จังหวัดเชียงราย ,เชียงราย : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2551. หน้า 88-89.
[6] นิภาวรรณ
วิรัชนิภาวรรณ , วิรัช นิวิรัชนิภาวรรณ ,การเข้าทรงและร่างทรง :
ความเชื่อ พิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อสังคม ,สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ ,2533. หน้า 73.
[7] ชิเกฮารุ ทานาเบ ,รวมบทความแปล
พิธีกรรมและปฏิบัติการในสังคมชาวนาภาคเหนือของประเทศไทย ,เชียงใหม่
,ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , 2555. หน้า 158.
[8] ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ,
รองศาสตราจารย์ , พัฒนาการทางสังคม
– วัฒนธรรมไทย , กรุงเทพ ฯ , เมืองโบราณ, 2554 หน้า 196
-197 .
[9] นิภาวรรณ
วิรัชนิภาวรรณ , วิรัช นิวิรัชนิภาวรรณ ,การเข้าทรงและร่างทรง :
ความเชื่อ พิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อสังคม ,สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ ,2533. หน้า 21 .